Saturday, December 4, 2010

ยินดีที่ได้รู้จัก

 ขากลับจากอินเดีย หลังจากเครื่องลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก็เดินผ่านต.ม. รับกระเป๋าเสร็จ แล้วก็เดินผ่านศุลกากร เพื่อนผม 4 คนเดินนำไปก่อน ผมรั้งท้ายอยู่คนเดียว ทันใดนั้นมีศุลกากรหญิงท่านนึงเดินมาดักผม "ซวยแล้ว" ต้องโดนตรวจของแน่ แต่เราก็ไม่ได้มีของอะไรที่ผิดปกตินี่นา จะมาก็แต่ของฝากแบบเดียวกับที่พิงกี้ซื้อมาฝากพี่เป็ก ไม่ทันที่ผมจะคิดไปไกลกว่านั้น "ยูใช่ไหม" เขาถามผม โล่งเลย คนรู้จักกันแน่ แต่ใครหว่า "ใช่...ครับ" ไม่รู้จะครับดีหรือไม่ครับดี เพราะจำไม่ได้ว่ารู้จักกับเขาแบบไหน เป็นเพื่อน เป็นพี่ หรือเป็นน้อง "จำเราได้หรือเปล่า" อ้อ เพื่อนกันแน่ "เคยเรียน มอ.ด้วยกันตอนปี 1 ไง" ใครจะไปจำได้ เรียนด้วยกันปีเดียว แถมไม่ค่อยได้เข้าเรียน แต่ทำไมเขายังจำเราได้ "ยูไม่เปลี่ยนไปเลย" ... อุ๊ยเขิน แสดงว่าเราหน้าเด็ก จบมาตั้ง 10 ปีแล้ว คุยไปคุยมาก็ยังจำเขาไม่ได้อยู่ดี แต่ก็พอจะคุ้นๆบ้าง ... มั๊ง ก็อย่างที่บอก ไม่ค่อยได้เข้าเรียน วิชาที่เข้าเรียนบ่อยก็มีแต่ภาษาอังกฤษที่เรียนร่วมกับคณะวจก.(เพราะสาววจก.เน็กไทสีชมพูนั้นงามนัก^^) นอกนั้นก็เข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่ทำให้ยังมีสิทธิ์สอบอยู่ ศุลกากรคนนี้เขาเรียนมอ.แค่ปี 1 ปีเดียว แล้วก็ออกมาเรียนเอกชนที่กรุงเทพ

ตอนปี 1 คณะผมมีเพื่อนร่วมรุ่น 300 กว่าคน แต่เขายังจำผมได้ มีใครอีกบ้างนะที่เขาจำได้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ กว่าเขาจะมายืนดักผมที่ด่านศุลกากร เขาต้องผ่านการรู้จักคนอื่นอีกกี่คน

แต่มันก็รู้สึกดีนะ เวลามีคนที่เราจำไม่ได้มาทัก นั่นแสดงว่าเรามีตัวตนบนโลกใบนี้ เป็นที่จดจำของใครบางคน มาทักทีก็มาพร้อมกับความทรงจำดีๆที่เคยมีร่วมกัน และความต้องการที่จะสานสัมพันธ์นั้นต่อ

อย่างที่เพลงมันบอก คือเรื่องมหัศจรรย์ ที่เราได้พบกัน บนโลกนี้มีคนตั้งไม่รู้กี่ล้านคน แล้วทำไม 2 คนในหลายล้านนั้นคือผมกับคุณที่รู้จักกัน มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ เรื่องมหัศจรรย์ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เราก็ต้องไม่ปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ จงจดจำมันเอาไว้ให้นานที่สุด

ถึงเพื่อนๆทุกคน "ยินดีที่ได้รู้จักครับ"