Saturday, September 25, 2010

ไม่รู้ใครเป็นใคร

เรื่องแรก

"ตามไม่ทันพี่ ไปถามผู้หญิงคนนั้นเขาบอกไม่ใช่

ขณะที่ผมจ่ายเงินอยู่ที่เคาเตอร์เซเว่น พนักงานเซเว่นคนหนึ่งวิ่งกลับมาบอกพนักงานอีกคนที่อยู่ที่เคาเตอร์ เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งซื้อของแล้วลืมเอาเงินทอน พนักงานขายแก่พรรษากว่าก็ใช้ให้พนักงานใหม่วิ่งเอาเงินทอนไปให้เขา แต่พนักงานคนนั้นตามไม่ทัน ช่วงเช้าเป็นเวลาที่มนุษย์เงินเดือนเดินไปเดินมาผ่านเซเว่นเยอะมาก ออกจากร้านไปก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครแล้ว เขาสะกิดถามผู้หญิงคนหนึ่งก็ไม่ใช่คนที่ลืมเงินทอน

คำว่า"แก่พรรษา" หมายถึงผู้ที่มีอายุงานเยอะกว่า อาวุโสกว่า ทำงานมาก่อน เลยมันจะข่มพนักงานใหม่ได้นิดๆถึงแม้ตำแหน่งจะเท่ากัน

ปกติพนักงานเซเว่นจะเก็บเงินทั้งหมดไว้ในลิ้นชักเครื่องคิดเงิน แต่เงินทอนที่ลูกค้าลืมไว้นั้นพนักงานตั้งไว้บนโต๊ะ คงจะรอลูกค้ากลับมาเอา

ถัดจากเซเว่นไปอีกประมาณ 100 เมตรเป็นคลองแสนแสบ

เรื่องที่ 2

"วันก่อนก็มีคนลืมตังทอน ให้แบงค์ 500 มาเราก็ทอนเศษไปก่อน พอได้เศษเขาก็ไปเลย อีก 400 ยังไม่ได้เอา พอหันหลังไปมันก็ปนกันไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร" คนขายไก่ทอดเล่าให้ฟังหลังจากทอนเงินค่าข้าวหมกให้ผม

ที่ท่าเรืออโศกริมคลองแสนแสบ ด้านหลังท่าเรือมีร้านขายอาหารหลายร้าน หนึ่งในนั้นเป็นร้านนาดาข้าวหมกไก่ หาดใหญ่ (ข้าวเหนียวก็มี) โต๊ะตั้งอยู่ติดกับร้านข้าวไข่เจียว ร้านนี้เป็นไก่ทอดหาดใหญ่ของแท้ เพราะคนทอดเป็นคนหาดใหญ่ เปิดขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น ปกติจะขายทุกวันทำงาน ถ้าเดินมาจากท่าเรือก็จะผ่านร้านนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเดินมาจากรถไฟฟ้าใต้ดินวันไหนขายจะมีป้ายแขวนบอกไว้ตรงบันไดขึ้นสะพาน ถ้าไม่เห็นป้ายก็ไม่ต้องเดินมาดูที่ท่าเรือให้เสียเที่ยว แม้มันจะเพียงแค่ประมาณ 10 ก้าว

"ดีที่ตอนเที่ยงเขากลับมาเอา เขาก็กลัวว่าเราจะจำไม่ได้แล้วไม่ยอมให้เงินทอน เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เรารู้อยู่ว่ามีคนลืมเงินทอน ถ้ามีคนกลับมาเอาเงินทอนแค่คนเดียวเราก็ไม่ขาดทุน"

เป็นวิธีคิดที่ดูซื่อๆ ตรงไปตรงมา และสบายใจ